ตอนที่7ต้องตัดสินใจ

 

                        บริษัทเปิดใหม่แห่งหนึ่ง เปิดรับสมัครพนักงานใหม่ ผมเป็นหัวหน้าที่นี่ ที่ถูกย้ายให้มาดูแลบริษัทใหม่ มีพนักงานมากมายมาสัมครงานหลายตำแหน่ง หนึ่งในนั้นมีลุงคนหนึ่งลักษณะไม่ค่อยพูด ไม่คุยกับใคร เดินมาสมัครงานกับผม 



                        “สวัสดีครับ มาสมัครงานใช่ไหมครับ ไม่ทราบว่ามาสมัครตำแหน่งอะไรครับ”


                        “พนักงานขนของครับ”


                        “เอ่อ…อ๋อครับ ตอนนี้ขาดพนักงานขนของพอดีเลยครับ คุณลุงอยากเริ่มงานวันไหนครับ”


                        “อันนี้คือรับผมทำงานแล้วหรอครับ”


                        “อ๋อ ใช่ครับ พ่อดีพนักงานขนของขาดแคลนน่ะครับ”


                        “ครับ…เริ่มงานพรุ่งนี้ก็ได้ครับ”


                        “งั้นเป็นพรุ่งนี้นะครับ”



                        เช้าวันต่อมา ผมมาที่บริษัท เมื่อมาถึงก็พบกับลุงที่มาสมัครงานเมื่อวานนั่นรออยู่ที่หน้าบริษัทผมแปลกใจมาก ไม่คิดว่าลุงจะมาเร็วขนาดนี้…วันแรกในการทำงานของลุง ผมให้ลุงยกของเข้าบริษัทแต่ก็ไม่เยอะมากนักเพราะลุงเพิ่งทำงานวันแรก 



                        ผ่านไปหลายวันในการทำงานของลุง ผมสังเกตเห็นว่าลุงไม่คุยกับใครเลย หรืออาจจะคุยแต่น้อยมาก ซึ่งวันนี้เป็นวันเปิดบริษัทอย่างเป็นทางการ เย็นนี้ทางบริษัทได้จัดงานเลี้ยง ผมจึงชวนลุงมาด้วย



                        เย็นแล้ว ทุกคนในบริษัทต่างพากันไปรวมตัวกันเพื่อรองานเลี้ยง เมื่ออาหารเครื่องดื่มมาพร้อมแล้ว ทุกคนก็พากันไปหยิบอาหารมานั่งกิน จับกลุ่มกันพูดคุยสนุกสนาน แต่ลุงนั้นนั่งอยู่คนเดียวพร้อมกับแก้วเบียร์แก้วหนึ่ง ผมเองนั้นก็นั่งคุยนั่งดื่มกับพนักงานหลายคน จนบางคนเริ่มเมา แต่เมื่อผมหันไปทางลุง ผมก็ยังเห็นลุงนั่งอยู่คนเดียวไม่เข้าไปหาใคร ในมือก็ยังถือแก้วเบียร์แก้วเดิม ผมจึงเดินไปหาลุง



                        “ลุงไม่เข้าไปคุยกับกลุ่มนั้นหรอครับ คุยสนุกดีนะครับ”


                        “ไม่ล่ะ ลุงไม่ชอบที่ที่คนเยอะ ลุงคุยไม่เก่ง”


                        “งั้นถ้าผมขอมานั่งดื่มกับลุงได้ไหมครับ”


                        “เอ่อ…ได้สิ”



                        ผมก็นั่งดื่มกับลุงไปเรื่อยๆ เบียร์หมดก็เติมให้ตลอด ผมเองเริ่มรู้สึกมึนๆ แต่ลุงยังดูไม่มีอาการเมาเลยแม้แต่นิดเดียว


                        “ลุงคอแข็งจัง ผมเห็นลุงกินไปเยอะแล้วก็ยังไม่มีอาการเมาเลย”


                        “แค่นี้ลุงไม่เมาหรอก”


                        “ว่าแต่ผมขอถามหน่อยได้ไหมครับ”


                        “ถามว่าอะไรหรอ”


                        “ลุงอยู่กับใครหรอครับ คือ…ผมหมายถึงลุงมีภรรยากับลูกไหมครับ”


                        “ลุงไม่มีหรอก ทั้งภรรยาและลูก ลุงอยู่คนเดียว”


                        “อ้าว แบบนี้ไม่เหงาแย่เลยหรอครับ”


                        “ไม่หรอก ลุงอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็กแล้ว ลุงไม่กล้าคุยกับใคร จนตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม”


                        “แต่ลุงมีเรื่องหนึ่งที่ลุงเคยเจอ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”


                        “อะไรหรอครับ”


                        และลุงก็เริ่มเล่าให้ฟัง…



                        คือเมื่อก่อนตอนเด็กเนี่ย ตอนที่ลุงยังเรียนอยู่ ไม่มีใครสนใจลุงหรอก แม้แต่เพื่อนสักคนก็ยังไม่มีเลย เพราะลุงเองไม่คุยกับใคร พอลุงเริ่มเรียนมหาลัย ลุงก็ไม่กล้าเข้าไปทักใคร แต่เวลาที่มีคนเข้ามาทักเข้ามาคุย ลุงก็ไม่กล้าคุยด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะอะไร



                        เมื่อลุงเรียนจบแล้วเริ่มทำงาน ลุงก็ใช้ชีวิตไปวันๆ ทำงานไม่สนใจใคร พอตอนเย็นๆก็จะไปนั่งที่สวนสาธารณะ ที่ประจำที่ลุงไปนั่งก็จะเป็นม้านั่งใกล้ๆสนามเด็กเล่น ทุกครั้งที่ลุงไปนั่งที่นั่นลุงมักจะเห็นอะไรหลายๆอย่าง ทั้งคนเดินจูงหมา คู่รักเดินจับมือกัน เด็กๆวิ่งเล่นกับเพื่อน ทำให้ทุกครั้งที่เห็นผู้คนยิ้มมีความสุข ลุงก็มักจะคิดว่า ทำไมเราถึงเข้าสังคมแบบคนอื่นไม่ได้ บางทีก็น้อยใจเหมือนกันนะ



                        แต่มีอยู่วันหนึ่ง ลุงเองก็ไปนั่งตามปกติเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา แต่วันนี้ลุงเห็นเด็กสองคนชายหญิงเหมือนจะเป็นพี่น้อง เดินมาด้วยกัน เท่าที่ลุงเห็นเหมือนว่าคนที่เป็นน้องนั้นร้องไห้ แล้วพี่ชายก็คอยปลอบอยู่ เนื้อตัวท้ังสองมอมแมมไปหมด ไม่รู้ไปทำอะไรมา แล้วลุงก็ได้ยินเด็กทั้งสองคุยกัน


            

                        “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องร้อง พี่อยู่นี่แล้ว”


                        “ฮือ ฮือออ”


                        “ถ้าหยุดร้องเดี๋ยวพี่พาไปเล่นม้าหมุนตรงนั้น…หยุดร้องเถอะนะ”


                        แล้วน้องสาวก็หยุดร้อง ลุงเห็นคนเป็นพี่ชายนั้นจูงมือน้องไปเล่นม้าหมุน เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีเสียงนาฬิกาดัง “เวลา 6 โมงเย็นแล้ว เด็กๆรีบกลับบ้าน” เสียงสัญญาณดัง เด็กๆก็พากันวิ่งกลับบ้าน เป็นปกติ ส่วนเด็กสองคนพี่น้องก็กลับเหมือนกัน 



                        “ไม่เอา หนูไม่อยากกลับ”


                        “ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว มีพี่อยู่หนูจะไม่เป็นไรแน่นอน”



                        แล้วทั้งสองก็เดินไปด้วยกัน ด้วยความที่ลุงสงสัยว่าทำไมเด็กหญิงคนนั้นไม่อยากกลับบ้านมันเป็นเพราะอะไร ลุงเลยเดินตามไปเงียบๆ เมื่อถึงบ้านของทั้งสองแล้วนั้น อยู่ๆก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินออกมา



                        “ไปไหนมา ทำไมกลับบ้านเย็นขนาดนี้ แกไม่ฟังเลยใช่ไหมว่าห้ามออกไป”


                        “ขอโทษค่ะพ่อ ขอโทษค่ะแม่ อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ”


                        “แกมานี่เดี๋ยวนี้”



                        ตัวของคนเป็นพ่อนั้นก็จับแขนเด็กหญิงคนนั้นด้วยความรุนแรง เด็กหญิงร้องไห้เพราะเจ็บแล้วพ่อก็ลากเด็กหญิงคนนั้นเข้าไปในบ้าน แต่แปลกตรงที่ไม่มีใครสนใจเด็กชายคนที่เป็นพี่เลย อย่างกับเด็กชายคนนั้นไม่มีตัวตนด้วยซ้ำ ในวันนั้นลุงก็กลับบ้านไป



                        วันต่อมา ลุงได้มาที่สวนสาธารณะเหมือนเคย และวันนี้เด็กสองคนก็มาเล่นที่เดิม แต่วันนี้ตัวเด็กหญิงนั้นมีแผลตามตัวเต็มไปหมด เมื่อลุงเห็นแบบนั้นก็ยิ่งสงสัย เมื่อถึงเวลาที่เด็กทั้งสองกลับบ้าน ลุงก็ตามไปดูอีก ตอนนี้ลุงเริ่มเป็นห่วงเด็กทั้งสองแล้ว เมื่อไปถึงลุงเห็นว่า พ่อและแม่ของทั้งสองทุบตีเด็กหญิง แต่กลับกัน เด็กชายที่เป็นพี่นั้นไม่โดนอะไรเลย เด็กชายร้องขอให้หยุด แต่พ่อกับแม่ทั้งสองก็ยังตีเด็กหญิงอยู่ ลุงเห็นจึงทนไม่ได้ที่ต้องดูเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆโดนทำร้ายร่างกาย ลุงจึงโทรแจ้งตำรวจ และได้เข้าไปห้าม เมื่อตำรวจมาถึง พ่อแม่ก็ถูกคุมตัวไป เหลือเพียงเด็กหญิงที่อยู่ในอาการหวาดระแวง เมื่อลุงมองหน้าเด็กชายแต่ก็ไม่เจอ เมื่อถามตำรวจ ตำรวจเองก็บอกว่าไม่มีเด็กชาย ที่นี่มีเพียงเด็กหญิงคนนี้เท่านั้น เมื่อลุงลองนึกถึงเด็กชายคนนั้นดูก็มีความรู้สึกว่าหน้าของเด็กชายนั้นมันคุ้นมาก จนกระทั่ง…



                        ลุงนึกออกแล้วว่าเด็กคนชายคนนี้หน้าเหมือนใคร คนๆนั้นก็คือลุงเอง ใช่แล้ว…เด็กผู้ชายคนนั้นคือลุงตอนเด็ก แล้วภาพในวัยเด็กก็ย้อนกลับมา…เมื่อตอนที่ลุงยังเป็นเด็กนั้น ลุงมักจะโดนพ่อและแม่ทุบตีตลอด ทั้งตัวลุงมีแต่แผล จนวันหนึ่งลุงกลับบ้านช้าเพราะมัวแต่อ่านหนังสืออยู่ที่ห้องสมุด เมื่อกลับมาถึงบ้านพ่อก็เข้ามากระชากคอเสื้อ แล้วผลักลุงไปนอนกองกับพื้น แล้วใช้ไม้ตุบตี เสียงร้องของลุงทำให้เพื่อนบ้านได้ยิน แล้วเพื่อนบ้านนั้นก็แจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจมาถึงก็จับพ่อและแม่ไป เหลือเพียงลุงที่นอนกองกับพื้น น้ำตาไหลนองทั่วใบหน้า ความรู้สึกตอนนั้นมันเจ็บปวดทั้งตัวและใจ จนลุงนั้นสลบไป เมื่อตื่นขึ้นมาก็มาอยู่กับป้า 



                        เพราะตอนเด็กลุงโดนกระทำแบบนี้ทำให้ลุงกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร และที่หนักกว่านั้นคือทำให้ลุงจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้เพราะบาดแผลในใจ และเด็กชายที่ลุงเห็นนั้นคงเป็นลุงในวัยเด็กที่มาเตือน เพื่อช่วยไม่ให้เด็กหญิงคนนั้นต้องเจอเหตุการณ์เหมือนตัวของลุง…





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่6เล็บชมพู